วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

แตงกวา**




สำหรับประเทศไทย นั้น แตงกวาเป็นพืชผักที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ มีอายุนับตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวเพียง 35-45 วัน แตงกวาใช้ทำอาหารได้สารพัด ผลแตงกวาจะอุดมไปด้วยวิตามิน และสารอาหารหลายชนิด เช่น แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 นอกจากนี้ ยังพบว่าเมล็ดแก่ของแตงกวายังช่วยขับปัสสาวะได้อีกด้วย เมื่อรับประทานแตงกวาแล้วจะช่วยให้ผิวนุ่มนวล ไม่เหี่ยวแห้ง เพราะแตงกวามีเอนไซม์อีเลพซิน (Erepsin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนได้ แม้กระทั่งโปรตีนในเซลล์ผิวหนัง โดยขจัดเซลล์ผิวหนังที่หมดอายุให้หลุดลอกออกไปเร็วขึ้น แตงกวามีสารที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ทั้งวิตามิน และเกลือแร่ กรดอะมิโน มีสรรพคุณช่วยให้ผิวหนังอ่อน ชุ่มชื้น และมีสารซิสติน และเมธิโอนิน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น คนโบราณจึงใช้แตงกวาช่วยลบความเหี่ยวย่นของผิวหนัง นอกจากทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นแล้ว ยังมีฤทธิ์ช่วยกระชับรูขุมขนทำให้ผิวนวลเนียน ลดการเกิดสิว อีกทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อน ๆ จึงเหมาะจะเป็นเครื่องสำอางของคนเป็นสิว




โดยมีสรรพคุณในการช่วยขับปัสสาวะและแก้ไข้ให้ความสดชื่นช่วยให้ผิวสวย ทำให้ผิวพรรณสดชื่อน มีน้ำมีนวล ดังนั้นจึงจะเห็นสูตรรักษาความงามของคุณผู้หญิงที่นิยมเอาแตงกวามาแปะหน้าทิ้งไว้เชื่อว่าทำให้หน้าขาวผ่อง และอ่อนนุ่ม
..... แตงกวาเป็นพืชล้มลุกเช่นเดียวกับแตงโม บวบ และฟักทอง อากาศในบ้านเราเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแตงกวามาก โดยแตงกวาที่ปลูกในบ้านเราส่วนมากเป็นพันธุ์พื้นเมือง แต่โดยทั้วไปสามารถจำแนกตามประโยชน์ใช้สอย คือ พันธุ์สำหรับใช้รับประทานสด เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อบางและไส้ใหญ่ สีเปลือกเป็นสีเขียวอ่อน ผลมีน้ำมาก มีตั้งแต่ผลเล็กไปจนถึงผลใหญ่ และพันธุ์อุตสาหกรรมซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีเนื้อหนา ไส้เล็ก บางพันธุ์ไม่มีไส้เลย เปลือกมีสีเขียวเข้มนิยมนำไปดองเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร
..... ในการดินเพื่อปลูก ขุดดินลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร จากทิ้งไว้ 7-10 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด ถ้าเป็นดินเหนียว หรือดินทราย ควรใส่ปุ๋ยคอกเพื่อช่วยพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน แตงกวาสามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนหรือดินปนทราย ดินต้องมีการระบายน้ำได้ดีไม่ให้ขังแฉะ เนื่องจากถ้ามีน้ำขังแฉะจะเกิดโรคทางใบ และทำให้รากเน่าได้ ..... การปลูกแตงกวาสามารถทำได้ 2 วิธีคือ ปลูกโดยไม่ใช้ค้าง ขุดหลุมให้ลึก 3 นิ้วระยะห่างระหว่างต้น 1-1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร หยอดเมล็ดลงหลุม ๆ ละ 5 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกและมีใบจริง 2-3 ใบ คัดเอาต้นที่แข็งแรง และมียอดไว้หลุมละ 2-3 ต้นแล้วปล่อยให้ต้นโตเลื้อยไปตามพื้นดิน ส่วนการปลูกโดยใช้ค้าง ใช้ระยะห่างละหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร หยอดเมล็ดหลุมละ 5 เมล็ด เมื่อเมล็ดออกใบจริง 2-3 ใบ ถอนต้นที่อ่อนแอออกให้เหลือต้นที่แข็งแรงเหลือหลุมละ 2 ต้น ใช้ค้างยาวประมาณ 2 เมตรปักเอียงเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม เพื่อช่วยพยุงต้น การใช้ค้างยังทำให้ผู้ปลูกสามารถดูแลรักษาและเก็บผลได้ง่าย รวมทั้งยังใช้พื้นที่น้อยกว่า และได้ผลผลิตแตงกวามากกว่าด้วย
..... ข้อควรจำ คือ แตงกวาจะเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น ดังนั้นน้ำจึงจำเป็นมากสำหรับแตงกวา เมื่อหยอดเมล็ดแล้วต้องรดน้ำทันที และระยะเวลาที่เริ่มงอกต้องมีการดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ..จนกระทั่งแตงกวาเริ่มออกดอกจึงลดการใน้ลงเหลือ 2-3 วันครั้ง การให้น้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลผลิตสูงและผลของแตงกวาสมบูรณ์ ซึ่งแตงกวาที่ขาดน้ำจะมีรสขมรับประทานไม่อร่อย ..... ในการใส่ปุ๋ยนั้นมีการใส่ครั้งแรกในขั้นตอนการเตรียมดิน และก่อนปลูกควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12 รองก้นหลุมประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คลุกให้เข้ากันแล้วกลบด้วยดินบาง ๆ ก่อนหยอดเมล็ด การใส่ปุ๋ยในครั้งต่อไปเมื่อแตงกวาอายุได้ 7-10 วัน หรือเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ และเมื่อทำการถอนแยกกล้าเสร็จแล้ว ใช้ปุ๋ยยูเรียโรยระหว่างแถวแตงกวา หรือรอบ ๆ หลุมห่างจากต้นประมาณ 1 คืบ ทั้งนี้เพื่อเร่งอัตราการเจริญเติบโตของต้น และขณะที่แตงกวาเริ่มออกดอกหรือเมื่อปลูกไปแล้ว 20-30 วัน ควรใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 12-24-12 โรยระหว่างแถวเพื่อให้การติดผลของแตงกวาดีขึ้น หลังจากแตงกวาติดผลควรงดใส่ปุ๋ย เนื่องจากจะทำให้ออกดอก หรือผลร่วง .....การเก็บแตงกวามาบริโภคเริ่มเก็บได้หลังจากปลูกแล้วประมาณ 30-40 วัน ขึ้นอยู่กับพันธุ์แตงกวาที่ปลูก เทคนิคการเก็บแตงกวา ควรเลือกเก็บแตงกวาที่อ่อน โดยสังเกตได้ส่ามีนวลสีขาวเกาะอยู่ ซึ่งทำให้ได้แตงกวาที่เนื้อแน่น กรอบ และรสชาติอร่อย การเก็บควรทยอยเก็บวันเว้นวัน ไม่ควรปล่อยให้แตงกวาแก่คาต้น เพราะทำให้ระยะการเก็บผลผลิตสั้นกว่าปกติ ซึ่งถ้ามีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องผู้ปลูกจะสามารถเก็บผลผลิตแตงกวาได้นานถึง 1 เดือนทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: